วันก่อนน้ำท่วม กรุงเทพ 28 พ.ย.
,,,,,,,,วันนี้เป็นวันที่รถในกรุงเทพฯ ถนนโล่ง เดินออกจากบ้านไปมหาวิทยาลัยปกติใช้เวลา 15 นาที วันนี้ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง มหาวิทยาลัยแล้ว. ผมคิดว่าคงไป ตจว.กัน เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการยาว หรือนำรถไปจอดตามที่สูง ซึ่งช่วงนี้ไม่ต่างจากวันหยุดยาวช่วงเทศกาล สงกรานต์ ปีใหม่เลย แต่ผมเดินไปทางไหนวันนี้ บ้านเมืองเราไม่ปกติเหมือนเดิมแล้ว เพราะ ไม่ว่าจะเดิน ไปห้าง ร้าน หรือบ้านประชาชนก็จะเจอ การก่ออิฐถือปูนสูงเกือบครึ่งเมตรเป็นอย่างน้อยทั่วไป.....
ช่วงที่เดินผ่านผู้คน หลายๆคน ผมสังเกตว่าหลายๆคน อยู่ในบรรยากาศความเครียด หวาดกลัว วิตกกังวล ที่จะเกิดจากน้ำท่วมอาจเป็นเพราะเรารับข้อมูลข่าวสาร ต่างๆจำนวนมากนั้นเอง ส่วนผมเองก็ตกใจไม่ต่างจากเขาเหล่านั้นหรอกครับ..เพราะเป็นผู้เสพข่าว บริโภคข่าวสารอยู่ทุกวันเฉกเช่นหลายๆคนในยุคของโลกข้อมูลข่าวสาร เราจะดำเนินชีวิต หรือทำกิจกรรมกรรมอะไร..ข้อมูล ข่าวสาร เป็นส่วนหนึ่ง กรอบข้อมูล และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญแล้วในการตัดสินใจของเรา
ปรากฏการณ์ใน เฟซบุ๊ค ที่ผมเล่นอยู่ทุกวัน เป็นเครือข่ายออนไลน์ ที่เชื่อมคน เชื่อมโลก แห่งข้อมูลข่าวสารมากมากมายที่เร็วและถึงต่อกัน และมีการตอบกลับอย่างรวดเร็ว...ปรากฏการณ์ที่ผมรับอยู่ มันมีทั้งข้อมูลที่เป็นจริง และข่าวลือ แล้วข่าวจริงมันคืออะไร ? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนจะรับมือกันอย่างไร...ถ้ารับมันไม่ได้ก็เกิดเป็นความเครียดตามมา....
แต่เท่าที่ผมสังเกตตามข่าวใน เฟชบุ๊ค จะมีข่าวที่นำเสนออยู่ สองประเภท คือ ภาพสถานการณ์ ความเสียหาย การโจมตีของน้ำ การออกมาเตือน ป้องกัน การคาดเดาสถานการณ์ ของนักวิชาการหลายสำนัก ความหนักหนาความรุนแรง ฯลฯ อีกด้านหนึ่งนำเสนออีกประเด็น คือ การเยียวยา การช่วยเหลือ อาสาสมัคร ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ช่วงวิกฤต น้ำท่วม ฯลฯ
ในสังคมออนไลน์จะนำเสนอมุมมองประมาณนี้ แต่ผมยังไม่ค่อยเห็น คนยินดี หรือ ดีใจกับน้ำท่วมเลย...สมัยก่อนเรามีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรือ เกี่ยวข้องกับน้ำมากมาย จนเกิดเป็นเพลงสนุกสนาน เช่น เพลงเรือ หรือน้ำหลากช่วยป้องกันศัตรูที่จะมารุกรานเรา ฯลฯ
อาจเป็นเพราะบ้านเมืองเราแตกต่างจากอดีต ทั้งสภาพสังคม เศรษฐกิจ บ้านเรือน สถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้าง... ใน อดีตเราปลูกสร้างบ้านเรือนชั้นเดียวยกพื้นสูง ปัจจุบันเรานิยมบ้านก่ออิฐถือปูน ชั้นเดียวหรือสองชั้นตามแบบตะวันตก...น้ำหลากก็เลยมองว่าน้ำท่วมบ้านแล้ว...ถ้าย้อนเวลาไปได้เหมือน แม่มณีในทวิภพ คนสมัยนั้นคงอาจบอกว่าน้ำมาแล้วได้เวลาล่องเรือหาปลา หรือ น้ำนำตะกอนความอุดมสมบูรณ์มากอีกแล้ว....แต่ปัจจุบันน้ำมา..มีแต่กลัวว่าจะท่วมบ้านเราไหม จะป้องกันอย่างไร จะเตรียมตัวอย่างไร.เราเจอน้ำเสียไหม มีสารเคมีไหม กลัวขยะที่มากับน้ำ..?
อย่าลืมนะครับ...ถ้าเราดูแผนที่เมือพันกว่าปี ปากน้ำเจ้าพระยาแทบนี้ก็เคยเป็นทะเล เพิ่งถูกทับทมมาเป็นแผ่นดิน ด้วยน้ำท่วม และตะกอนจากน้ำท่วมเราจึงมีแผ่นดินอยู่..เป็น กทม. ทุกวันนี้
นี่แหละนะความเจริญที่เรากำลังทำตัวออกห่างจากธรรมชาติ...คนอดีตเขาอยู่กับธรรมชาติปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ คนสมัยนี้พยายามที่จะเอาชนะธรรมชาติ....เมื่อมีการฝืนธรรมชาติ ธรรมชาติไม่ได้เอาคืนนะครับ... เขากำลังที่จะปรับสมดุลของเขาจากการฝืนธรรมชาติของมนุษย์....ที่จะเอาชนะและอยู่เหนือธรรมชาติ...ทั้งที่เราทั้งหลายอยู่ในธรรมชาติ
ท่านพุทธทาส ก็เคยกล่าวว่า ธรรมะ ก็ คือ ธรรมชาติ...:)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น